มัดรวม 10 วิธี ซื้อชั้นวางทีวีให้เหมาะกับระยะสายตา

มัดรวม 10 วิธี ซื้อชั้นวางทีวีให้เหมาะกับระยะสายตา

มัดรวม 10 วิธีซื้อชั้นวางทีวีให้เหมาะกับระยะสายตา ดูแล้วไม่ปวดตา ไม่ปวดหลัง

การจัดวางทีวีในบ้านไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามหรือการประหยัดพื้นที่เท่านั้น แต่ “ระยะสายตาที่เหมาะสม” ก็มีผลโดยตรงต่อสุขภาพตา คอ และหลังของเราเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นคนที่ดูทีวีเป็นประจำหรือชอบมีมุมพักผ่อนอยู่กับโซฟาเป็นเวลานาน การ เลือกซื้อชั้นวางทีวี ที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 10 วิธีเลือก ชั้นวางทีวีให้เหมาะกับระดับสายตา เพื่อการรับชมที่สบายตาและสบายตัวในทุก ๆ วัน

1. เริ่มต้นจากการวัดระดับสายตาเมื่อนั่ง

ก่อนจะเลือกซื้อชั้นวางทีวี ควรเริ่มจากการวัดระดับสายตาขณะนั่งอยู่บนโซฟาหรือเก้าอี้ที่คุณใช้ดูทีวีเป็นประจำ โดยระดับกึ่งกลางของจอทีวีควรอยู่ใกล้เคียงกับระดับสายตา (Eye Level) หรือ ต่ำกว่าประมาณ 10–15 องศาเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการเงยคอขึ้นมองหน้าจอ ซึ่งอาจทำให้เมื่อยล้าหลังจากดูไปนาน ๆ

2. เลือกความสูงของชั้นวางให้สัมพันธ์กับขนาดทีวี

ชั้นวางทีวีที่เหมาะสมควรทำให้กึ่งกลางของหน้าจออยู่ในแนวสายตาเมื่อคุณนั่ง หากทีวีของคุณมีขนาดใหญ่ เช่น 55 นิ้วขึ้นไป ไม่ควรใช้ชั้นวางที่สูงเกินไป เพราะจะทำให้ต้องเงยหน้าดู หากทีวีมีขนาดเล็ก เช่น 32 นิ้ว ความสูงของชั้นวางอาจอยู่ในระดับประมาณ 40–60 ซม. ได้โดยไม่ทำให้เมื่อยตา

3. ใช้สูตรคำนวณระยะห่างจากจอทีวี

การเลือกตำแหน่งตั้งชั้นวางทีวี ควรพิจารณาระยะห่างจากจอถึงที่นั่งด้วย สูตรง่าย ๆ ที่สามารถนำมาใช้คือ:

ระยะห่าง (เมตร) = ขนาดทีวี (นิ้ว) ÷ 20
เช่น หากคุณใช้ทีวีขนาด 60 นิ้ว ระยะที่เหมาะสมคือประมาณ 3 เมตร ซึ่งจะช่วยให้รับชมได้อย่างสบายตา ไม่ต้องเพ่งหรือก้มเงยมากเกินไป

4. ตรวจสอบขนาดของพื้นที่ห้องก่อนเลือกซื้อ

ห้องที่มีขนาดเล็กไม่ควรเลือกชั้นวางทีวีขนาดใหญ่จนเกินไป เพราะจะทำให้รู้สึกอึดอัด ในขณะที่ห้องกว้างสามารถเลือกแบบบิลต์อินหรือแบบตั้งพื้นขนาดใหญ่เพื่อเสริมบรรยากาศได้ ทั้งนี้อย่าลืมเผื่อพื้นที่ในการเดินสายไฟหรือจัดวางของตกแต่งเพิ่มเติมด้วย

5. ชั้นวางทีวีควรแข็งแรงและมั่นคง

ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง ควรเลือกชั้นวางทีวีที่ผลิตจากวัสดุแข็งแรง เช่น ไม้แท้ ไม้ MDF เกรดดี หรือโลหะที่เคลือบกันสนิม รวมถึงมีระบบยึดที่มั่นคง ไม่โยกคลอนง่าย

6. พิจารณาฟังก์ชันจัดเก็บให้เหมาะสม

ชั้นวางทีวีที่ดีไม่ใช่แค่รองรับทีวีได้เท่านั้น แต่ควรมีช่องจัดเก็บที่ตอบโจทย์ เช่น ชั้นวางรีโมต, กล่องรับสัญญาณ, เครื่องเล่นเกม, หรือช่องเก็บแผ่นหนัง เพื่อความเรียบร้อยและเป็นระเบียบ ช่วยให้บรรยากาศห้องดูโปร่งโล่งไม่รกสายตา

7. เลือกชั้นวางที่มีช่องร้อยสายหรือซ่อนสายไฟ

การจัดการสายไฟเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่มักถูกมองข้าม การเลือกชั้นวางที่ออกแบบให้มีช่องร้อยสายด้านหลังหรือมีแผงซ่อนสายไฟ จะช่วยให้มุมดูทีวีของคุณดูสะอาดตา และลดความเสี่ยงที่สายจะพันกันหรือถูกดึงจนขาด

8. ดูเรื่องการระบายความร้อนของอุปกรณ์

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่วางใกล้ทีวี เช่น Router, เครื่องเล่น Blu-ray หรือกล่องดิจิตอลทีวี มักเกิดความร้อน ควรเลือกชั้นวางที่มีพื้นที่เปิดโล่ง หรือมีรูระบายอากาศเพื่อให้ความร้อนถ่ายเทได้สะดวก

9. เลือกดีไซน์ให้เข้ากับสไตล์ของบ้าน

แม้การใช้งานจะเป็นเรื่องหลัก แต่ดีไซน์ก็สำคัญไม่แพ้กัน ชั้นวางทีวีที่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในห้องจะช่วยสร้างบรรยากาศโดยรวมให้กลมกลืนและดูดี เช่น ห้องสไตล์มินิมอลควรเลือกชั้นวางแบบเรียบง่าย สีอ่อน ส่วนห้องลอฟต์อาจใช้วัสดุไม้กับเหล็กเพื่อให้ได้ลุคเท่ ๆ

10. ทดลองนั่งดูทีวีจริงก่อนตัดสินใจ

หากมีโอกาส ควรทดลองนั่งในตำแหน่งที่คุณจะดูทีวีจริง ๆ และประเมินระดับของจอจากสายตา จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกชั้นวางได้แม่นยำยิ่งขึ้น เพราะบางครั้งขนาดที่ดูเหมาะในภาพอาจไม่พอดีกับความรู้สึกจริงเมื่อลองนั่งดู

การเลือกซื้อชั้นวางทีวีให้เหมาะกับระดับสายตาและสภาพแวดล้อมในบ้าน ไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแค่คุณใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งเรื่องระดับสายตา ความสูง ระยะห่าง ดีไซน์ และการจัดการสายไฟ ก็จะช่วยให้คุณมีมุมดูทีวีที่สบาย ปลอดภัย และลงตัวกับไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด

ป้ายกำกับ :

SENTRAL FURNITURE CENTER

บริษัท เซ็นทรัล เฟอร์นิเจอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด